Health

  • เครียดลงกระเพาะ โรคยอดฮิต
    เครียดลงกระเพาะ โรคยอดฮิต

    ความเครียด มักเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้าย เพราะความเครียดไม่ได้ส่งผลร้ายต่อจิตใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อปัญหาสุขภาพกายอีกด้วย ดังนั้นหากรู้สึกว่าตนเองเครียดมากเกินไป ควรหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง ทำสมาธิ ทำอาหาร เพื่อช่วยลดความเครียด พร้อมจัดตารางการทำงานและวางแผนการทำงานล่วงหน้าโรคเครียดลงกระเพาะ มักจะเกิดกับผู้ที่มีอายุ 18-35 ปี เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่อาจจะมีความเครียดมาก ความเครียดที่สะสมในแต่ละวันเป็นตัวการที่ไปกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะกำเริบ และส่งผลให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติไปด้วย

    ทำไมเครียดแล้วลงกระเพาะ
    – ระบบประสาทอัตโนมัติไปกระตุ้นต่อมหมวกไต ให้หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน
    – ต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนเร่งปฏิกิริยาการเผาผลาญอาหารออกมามาก ทำให้นอนไม่หลับและหิว
    – ความเครียดทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้หยุดชะงักลง

    อาการเครียดลงกระเพาะ
    1.ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ ตอนท้องว่าง
    2.เสียดหน้าอก อาหารไม่ย่อย
    3.รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน
    4.แน่นท้อง ท้องอืด เรอเหม็นเปรี้ยว
    5.นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท

    การรักษาอาการเครียดลงกระเพาะ
    โรคกระเพาะอาหารสามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการดูแลรักษาที่ดี และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังมีอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธี

    วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการเครียดลงกระเพาะ
    1. เมื่อรู้สึกว่ามีภาวะเครียดให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการผ่อนคลายตัวเอง เช่น ฟังเพลง วาดรูป ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือนั่งสมาธิ
    2. รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและครบทั้ง 3 มื้อ
    3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
    4. งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
    5. ป้องกันความเครียดโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับตารางทำงานให้สมดุล มีเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายอย่างเพียงพอ
    6. ควรปรึกษาแพทย์หากมีอุจจาระปนเลือด น้ำหนักลด อาเจียนบ่อย มีอาการที่รุนแรง รบกวนคุณภาพชีวิต หรือจัดการความเครียดไม่ได้

     

    ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่  atlasrodek.com

     

Economy

  • หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่
    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่

    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่ นักวิเคราะห์ชี้ ช่วยดันกำลังการกลั่นพุ่งเท่าตัว

    ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ในช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยเป็นผลมาจาก กระแสข่าวว่า BCP กำลังเตรียมเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากผู้ถือหุ้นเดิม

    หลังจากมีการเจรจาซื้อขายหุ้น ESSO กันมาตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าราคาซื้อขายหุ้น ESSO จะอยู่ระหว่าง 12-14 บาทต่อหุ้น และ BCP จะมีการนำเข้าที่ประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 9 ม.ค. 2566

    นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประเมินว่า ข่าวการเข้าซื้อกิจการ ESSO ของ BCP ในครั้งนี้ถือไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นข่าวว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP สนใจเข้าซื้อ ESSO เมื่อช่วงปี 2554-2555 แต่ดีลก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งประเมินว่าน่าจะเป็นในเรื่องของราคาที่ไม่เป็นที่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย และในครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นแต่เปลี่ยนผู้ซื้อเป็น BCP แทน

    หุ้น BCP พุ่งรับข่าว บางจาก เตรียมเข้าซื้อ เอสโซ่ นักวิเคราะห์ชี้ ช่วยดันกำลังการกลั่นพุ่งเท่าตัว
    ซึ่งในกรณีของ BCP หากเข้าซื้อ ESSO จริง

    จะเห็นว่าความร่วมมือทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นอาจไม่มากเท่า TOP ซื้อ ESSO เนื่องจากสถานที่ตั้งที่อยู่คนละแห่ง โดย ESSO ตั้งอยู่ จ.ชลบุรี ติดกับโรงกลั่น TOP รวมถึงโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ ESSO มีสายการผลิตทั้งโรงกลั่น และโรงงานอะโรเมติกส์เหมือน TOP ขณะที่ BCP มีส่วนที่เหมือน ESSO

    คือสายธุรกิจโรงกลั่น แต่หาก BCP เข้าซื้อกิจการก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงกลั่นเพิ่มได้อีกกว่าเท่าตัว เนื่องจาก ESSO มีกำลังการกลั่นอยู่ราว 1.7 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ BCP มีกำลังการกลั่น 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน

    และจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 พันแห่ง จากปัจจุบัน 1.3 พันแห่ง และได้ธุรกิจอะโรเมติกส์กำลังการผลิตพาราไซลีน 5.0 แสนตันต่อปี เพิ่มเข้ามา

    ดังนั้นจึงประเมินว่าตัวแปรสำคัญสำหรับดีลการเข้าซื้อกิจการของ ESSO ของ BCP น่าจะอยู่ที่ราคา ซึ่งทำให้เกิดการเก็งกำไรในราคาหุ้น ESSO เช่นในช่วงปี 2554 ที่มีประเด็นข่าวว่า TOP จะเข้าซื้อ ESSO ราคาหุ้น ESSO ได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในกรอบเฉลี่ยราว 14 บาทต่อหุ้น

    แต่ถ้าคำเสนอซื้ออยู่ที่ราคาสูงก็จะไม่เป็นผลดีต่อ BCP เพราะจะไม่เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับ BCP ในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เพราะหากพิจารณาคาดการณ์กำไรของการประเมินนักวิเคราะห์ในปี 2565 ของ ESSO เพราะว่าอยู่ที่ 1.29 บาทต่อหุ้น เพราะในปี 2565 นี้ถือเป็นปีที่ดีของโรงกลั่น เพราะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

    ซึ่งหากประเมินจากค่าเฉลี่ย ราคาที่เหมาะสม ที่ประเมินในการประเมินของนักวิเคราะห์ ที่ 14 บาทต่อหุ้นพบว่า ระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้นคาดการณ์ล่วงหน้า หรือ PER จะอยู่ที่ 10 เท่า

    แต่หากพิจารณาผลการดำเนินย้อนหลังของ ESSO ในปี 2563-64 พบว่าเผชิญกับผลขาดทุนมาตลอด ดังนั้นจึงมองเป็นเพียงกระแสเก็งกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับราคาหุ้น ESSO ขณะที่ BCP ในเชิงพื้นฐานฝ่ายวิจัยแนะนำเปลี่ยนการลงทุน ด้วยมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2566 ที่ 35 บาทต่อหุ้น.

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : atlasrodek.com